KUBET – “DSI-อัยการ” เผยเร่งทำคดีฟอกเงิน “ฮั้ว สว.” ให้เสร็จใน 3 เดือน
“DSI-อัยการ” เผยเร่งทำคดีฟอกเงิน “ฮั้ว สว.” ให้เสร็จใน 3 เดือน
“DSI-อัยการ” เตรียมเรียกพยานคดีฟอกเงินฮั้วเลือก สว. ยืนยันจะเร่งทำคดีให้แล้วเสร็จทันกรอบเวลา 3 เดือน ที่ กกต.จะมีอำนาจเพิกถอนจากตำแหน่ง
21 มีนาคม 2568 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษครั้งที่ 1/2568 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงิน ของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดเป็นอั้งยี่ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวข้องและความผิดที่เกี่ยวข้องใน คดีฮั้วเลือก สว. หลังจากคณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ มีองค์คณะจากสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด มาร่วมสอบสำนวนทำคดี ซึ่งเป็นการประชุมพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการครั้งแรก เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง คดีนี้มีองค์คณะพนักอัยการมาร่วมสอบสวนทั้งหมด 5 คน แต่การประชุมครั้งนี้มาร่วมประชุมเพียง 3 คน
ซึ่งวันนี้มีการประชุม เพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวน ส่วนใหญ่เป็นการสรุปข้อเท็จจริง และหลักฐานการสืบสวน เพื่อให้คณะพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ ได้ทราบข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวหา เป็นการรวบรวมและดูว่า ใครที่มีส่วนในการรับโอนเงินในเรื่องนี้บ้าง โดยต้องตรวจสอบรายการเดินบัญชี และเส้นทางการเงินร่วมด้วย ซึ่งคดีนี้มีพยานที่ต้องสอบปากคำจำนวนมาก แต่ยังระบุไม่ได้ว่ามีกี่คน
ส่วนที่มีเอกสารหลุดเป็นรายชื่อ ผู้ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีนี้กว่า 7,000 รายชื่อ ต้องไปตรวจสอบว่า ถ้าคนไหนมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ต้องเชิญมาสอบปากคำด้วย โดยจะตรวจสอบในช่วงปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พบข้อมูลว่า มีการกระทำความผิด ส่วนการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี คณะพนักงานสอบสวน จะนัดประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง และพยายามทำให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันกำหนด 3 เดือน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีอำนาจในการเพิกถอน สว.ออกจากตำแหน่ง และพยานในคดีนี้จะเข้าสู่โครงการคุ้มครองพยาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
เบื้องต้น ดีเอสไอจะดำเนินคดีในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน แต่หากพบความผิดเพิ่มเติมในข้อหาอื่นหลังจากทำคดีหลัก พนักงานสอบสวนก็สามารถดำเนินคดีในความผิดต่อเนื่องได้ แต่ต้องทำคดีหลักให้แล้วเสร็จก่อน
ด้าน นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ระบุว่า พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากระบุได้ว่า มีการกระทำความผิดก็จะต้องถูกสอบสวนทั้งหมด โดยหลังการประชุมในครั้งนี้พนักงานสอบสวน สามารถสอบปากคำพยานได้ทันที โดยจะสอบเรียงลำดับความสำคัญของพยานจากมากไปหาน้อย และจะจัดกลุ่มพนักงานสอบสวนสอบปากคำพยาน เพราะพยานแต่ละคนมีความสำคัญไม่เท่ากัน
พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่า การกระทำความผิดตามคดีอาญา หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ดำเนินการก็เป็นความผิดเสียเอง ซึ่งต้องทำไปตามกระบวนการ แต่หากใครจะมองไปเรื่องการเมือง ก็สามารถที่จะคิดได้ ยืนยันว่าดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ส่วนกรณีที่มีกลุ่ม สว. ไปร้องเรื่องจริยธรรมของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็พร้อมให้มีการตรวจสอบ