KUBET – “ฝ่ายค้าน”รุมฉะ”รัฐบาลแพทองธาร” แก้ฝุ่น PM2.5 ไม่มีมาตรการเป็นชิ้นเป็นอัน
“ฝ่ายค้าน”รุมฉะ”รัฐบาลแพทองธาร” แก้ฝุ่น PM2.5 ไม่มีมาตรการเป็นชิ้นเป็นอัน
“ฝ่ายค้าน” ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลแก้ฝุ่น “PM2.5” ฉะ! ไม่มีมาตรการเป็นชิ้นเป็นอัน คำตอบมีแต่ฝุ่น – “รมช.กห” แจงมีหลายหน่วยงานรับผิดชอบ รู้เฉพาะกรอบหลักการ-หงอ “ภัทรพล” เตรียมของมูลมาละเอียด
23 มกราคม 2568 “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะได้รับมอบหมายจาก“นางสาวแพทองธาร ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี ให้ไปตอบกระทู้ถามของ “นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์” สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ถึงแนวทางการป้องกัน “ฝุ่นพิษ PM2.5” ในภาคการเกษตรว่า กระทรวงกลาโหม ก็มีส่วนในการแก้ไขปัญหา“ฝุ่น PM2.5″ และได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อสถานการณ์ดังกล่าวก่อนที่ตนจะมาตอบกระทู้ถามในวันนี้ (23 ม.ค.) ซึ่งจะทราบในกรอบหลักการเบื้องต้น
ในภาพรวมการแก้ปัญหา“แก้ฝุ่น PM2.5” นั้น มีหลายงานที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงมหาดไทย ที่ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และราชการส่วนภูมิภาค ในการแจ้งเตือนประชาชนในการป้องกัน และขจัดปัญหาแล้ว, กระทรวงคมนาคม ได้ดูแลยานพาหนะไม่ให้ปล่อยควันดำ, กระทรวงเกษตรฯ ได้แจ้งเตือนเกษตรกรไม่ให้มีการเผาซังข้าวโพดและเศษวัสดุทางการเกษตร ที่จะทำให้เกิดมลพิษ และยังมีการทำฝนหลวง เพื่อเจาะชั้นบรรยากาศ เพื่อให้ฝุ่นที่อยู่ในพื้นที่ได้ระบายในชั้นบรรยากาศขึ้นไป เช่น กรุงเทพฯ มีการเจาะพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ และพื้นที่ในกรุงเทพฯ รวมถึงยังจะมีการปฏิบัติการทำฝนหลวง ในช่วงเมษายนนี้ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมมือกันในการตั้งจุดสกัดกรณีที่มีกลุ่มผู้ที่ยังคงเผาป่าอยู่ และยังมีชุดเตรียมพร้อมดับไฟป่า กระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการไม่รับซื้อสินค้าที่มาจากการเผา กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น
“นายภัทรพงษ์” ยังตำหนิรัฐบาล ที่มีหลายนโยบายที่รัฐบาลสามารถทำได้ทันที แต่ยังไม่เริ่มทำ และทำได้แต่การเตรียม เช่น การบังคับใช้มาตรการตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าอาหาร และสินค้าเกษตร ที่สามารถบังคับใช้ ห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากการเผาได้ทันที แต่กระทรวงพาณิชย์ กลับออกประกาศนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบปลอดภาษี
โดยไม่มีการระบุพิกัดการเพาะปลูกของผู้นำเข้า และการจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร ไร่ละ 1,000 บาท ก็ไม่มีการกล่าวถึงเงื่อนไขการห้ามเผา รวมถึงการปิดโรงงานอ้อยและน้ำตาลทราย ก็ไม่ได้ใช้กฎหมายในการปิดโรงงานที่รับซื้ออ้อยไฟไหม้ แต่กลับนำกฎหมายอื่นมาบังคับใช้ จนตอนนี้กลับมาเปิดใหม่ และรับซื้ออ้อยไฟไหม้ได้เช่นเดิม ซึ่งรัฐบาลไม่มีมาตรการจัดการใด ๆ ไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่การเตรียม ซึ่งคำตอบของรัฐบาล ก็มีแต่ฝุ่น และรัฐบาล ก็ไม่มีการแจ้งเตือนไฟป่าใด ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ เพราะไม่มีการแจ้งเตือน ดังนั้น จึงขอถามรัฐมนตรีว่า จะมีการแจ้งเตือนด้วยวิธีใด
“พลเอกณัฐพล” ระบุว่า เรื่องดังกล่าว มีหน่วยงานที่รับผิดชอบหลายกระทรวง ในรูปแบบคณะกรรมการ ซึ่งตนทราบในหลักการ และรายละเอียดสำคัญ แต่ผู้ถามได้ถามในประเด็นย่อย แต่ยืนยันว่า รัฐบาล มีมาตรการในป้องกันการเผาป่า ซึ่งไม่ใช่การห้ามเผ้าทั้งหมด แต่เป็นการบริหารพื้นที่ จัดพื้นที่ใดที่สามารถเผาก่อนได้ และมีการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชมีมูลค่าอื่น ๆ และส่งเสริมใช้เศษวัสดุ ส่วนงบประมาณการดับไฟป่านั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว และงบประมาณของกระทรวงเกษตรฯ และจังหวัดเชียงใหม่ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ และระเบียบการชดเชยดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อยนั้น จะต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ และรับฟังความเห็นที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน
จนทำให้”นายภัทรพงษ์” ลุกขึ้นสรุปว่า รัฐบาลไม่มามาตรการที่ชัดเจน เพราะที่ตนตั้งกระทู้ถามในการ ตกค้าง 15 ล้านไร่ รวมถึงการแจ้งเตือน ผ่าน Location base SMS ซึ่งจะต้องมีการดาวน์โหลด และที่ตนสอบถามนั้น จะมีการแจ้งเตือนในระดับฝุ่นที่เท่าใด และรัฐบาล มีการเตรียมการผลกระทบในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างไร เพราะอากาศมีมลพิษติดอันดับต้น ๆ ของโลก
ด้าน “พลเอกณัฐพล” ยอมรับว่า ไม่สามารถตอบคำถามในรายละเอียดได้ และสามารถตอบได้เฉพาะประเด็นสำคัญ เพราะแค่ทราบว่า นายณัฐพงษ์ ตนก็ห่วงใยตนเอง เพราะพบว่า นายณัฐพงษ์ ได้ติดตามในเรื่องนี้มาอย่างละเอียด และมีการเตรียมการมา แต่ตนสามารถตอบตามที่หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบให้ข้อมูลมา เช่น การแจ้งเตือนนั้น จะแจ้งเตือนที่ปริมาณฝุ่น 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้เป็นยูโร 5 และปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิงให้ดีขึ้น
“นายภัทรพงษ์” ยังหวังว่า คำถาม และคำตอบทั้งหมด จะถูกส่งให้นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี จะกล้ามาตอบกระทู้ถามด้วยตนเองในสัปดาห์หน้าหรือไม่
ขณะที่“นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า กระทู้ถามสดจะได้รายละเอียดได้ไม่มากนัก เพราะการถามสด จะตอบเท่าที่ตอบได้ ซึ่งหากต้องการรายละเอียด อาจต้องเสนอเป็นญัตติ หรือกระทู้ถามทั่วไป