29 มกราคม 2568 ความคืบหน้ากรณี สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จับกุม นางบงกช หรือเก๋ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และ พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ที่บ้านพักซอยคลองสาม ท้องที่หมู่  8 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี  ในคดีแทง นางวรกนก หรือ ปลัดนก อายุ 57 ปี ปลัด อบต.คลองสาม จ.ปทุมธานี พี่สาวนางบงกช เสียชีวิต เหตุเกิดในบ้านพักที่ถูกจับกุม เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา หลังก่อนหน้าได้มีการจับกุมสามีของนางบงกช  โดยเบื้องต้น นางบงกช ให้การปฏิเสธนั้น

ล่าสุด นักข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง องค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม ซึ่งเป็นที่ทำงานของปลัดนก ที่เสียชีวิต และเป็นที่ทำงานของ นางเก๋ น้องสาวปลัดนก เพื่อจะไปสอบถาม รองศาสตราจารย์ วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม เพราะมีข้อมูลว่า ตอนที่นางเก๋ ถูกตำรวจจับ ได้โทรศัพท์หานายก อบต.คลองสาม ด้วย แต่ปรากฎว่า นายก อบต.คลองสาม ไม่อยู่ ติดไปดูงานที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดย รองศาสตราจารย์ วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม ก็ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ บอกว่า ตัวนางเก๋ ได้โทรมาเพื่อมาขอให้ตนช่วยเหลือเรื่องของการยื่นประกันตัวจริง ซึ่งตนนั้นก็ได้เพียงให้คำแนะนำไปว่า ให้ติดต่อพี่ชายที่อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต แล้วให้นำที่ดินที่จังหวัดเพชรบูรณ์ไปวางประกันตัว เพราะหากตัวนายกไปออกตัวช่วยเหลือในทางคดีนั้น จะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากปลัดนก ผู้เสียชีวิตก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตนเช่นกัน  และหากกระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ได้ว่า ตัวนางเก๋ มีส่วนร่วมในการฆาตกรรมปลัดนกจริง ยิ่งจะทำให้กลายเป็นว่า นายกไปช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม  

ทั้งนี้ส่วนตัวนายก อบต.คลองสาม ก็ยอมรับว่า รู้สึกอึดอัดใจ เพราะทั้งคู่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ยืนยันได้ว่า ปมขัดแย้ง คงไม่ได้มาจากในเรื่องของการทำงานแม้ว่าที่ผ่านมา ตัวนางเก๋ เองซึ่งรับราชการ อยู่ที่ อบต. ในตำแหน่งนักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ แต่ก็มักมีปัญหาในการทำงาน เพราะหลายครั้งทำงานล่าช้า จนทำให้คนอื่นทำงานต่อลำบาก ทำให้นายกต้องให้ปลัดนก ซึ่งเป็นพี่สาวไปเตือน แต่ก็ไม่ฟัง จนนายกต้องเข้าไปตำหนิและตักเตือนด้วยตัวเอง

และส่วนตัว นางเก๋ เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดจา และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชอบเก็บตัวเงียบ คนในที่ทำงานพูดคุยด้วยก็เป็นการถามคำตอบคำ ทำให้เชื่อได้ว่าประเด็นการทำงาน ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้ตัวนางเก๋เอง จะฆ่าพี่สาวได้ 

ส่วนหลังจากนี้ หากนางเก๋ ไม่ได้รับการประกันตัวออกมาทำงาน และขาดราชการเกิน 7-15 วันตามระเบียบ ก็ถือว่า ออกจากราชการไว้ก่อน แล้วไปต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมแล้วพิสูจน์ตัวตนได้ ก็สามารถกลับเข้ามารับราชการได้ต่อ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ตัวนางเก๋เองนั้น รู้ดีว่าจะทำอย่างไรเพราะเขาเป็นนางทรัพยากรบุคคลอยู่แล้ว

คุมตัว น้องสาวปลัดนก สอบซ้ำ เจ้าตัวบอกไม่เกี่ยว ไม่มีปม พี่น้องรักกันดี
 

ส่วนความคืบหน้าทางคดีวันนี้ ช่วงสายที่ผ่านมา ตำรวจได้คุมตัว นางเก๋ น้องสาวของปลัดนก มาสอบปากคำอีกครั้ง โดยใช้เวลาในการสอบปากคำเกือบ 2 ชั่วโมง จากนั้นหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น ก็คุมตัวกลับมาที่ห้องคุมขัง ระหว่างนี้ นักข่าวพยายามที่จะสอบถาม นางเก๋ ว่ามีอะไรอยากจะพูด หรือแสดงความบริสุทธิ์ใจหรือไม่ นางเก๋ ยังยืนยันย้ำว่า ตนเองไม่รู้ ไม่เห็น ได้เกี่ยวกับการฆาตกรรม ปลัดนก และอยากขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วย พร้อมย้ำว่า ส่วนตัวไม่มีปมอะไรกับพี่สาว พี่น้องรักกันดี และไม่ได้กังวลใจอะไร และยังรู้สึกเสียใจที่พี่สาวเสียชีวิต
 

ตร.ย้ำหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์เพียงพอเอาผิด น้องสาวปลัดนก แม้เจ้าตัวปฏิเสธ
 

ขณะที่ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผู้กำกับ สภ.คลองหลวง บอกถึงความคืบหน้าทางคดี ว่า เบื้องต้น นางเก๋ ยังให้การปฏิเสธ ว่าไม่เกี่ยวข้อง ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่เคสนี้ ได้มีการตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมาตั้งแต่ช่วงแรก ดังนั้นตำรวจได้มีการขยายผลต่อเนื่อง หลังจากที่มีการจับกุมนายประทิน หรือ หนุ่ม เกตุลาพร อายุ 43 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยของปลัดนก และเป็นสามีของนางเก๋ ตำรวจก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนพยานหลักฐานเพียงพอ จึงจนนำมาสู่การขอศาลออกหมายจับนางเก๋

ซึ่งตำรวจเน้นการใช้พยานหลักฐาน โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก เพราะฝ่ายผู้ต้องหามีสิทธิปฏิเสธ และยืนยันว่า พยานหลักฐานมีเพียงพอ จนนำไปสู่การขอหมายจับแน่นอน แต่หลังจากนี้ก็ยังคงสืบสวนเพิ่มเติมอีก เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่อเนื่อง และให้เกิดความแน่นหนามากยิ่งขึ้น เพราะเคสนี้เป็นเคสสำคัญ

ส่วนจะมีบุคคลที่ 3 ในการร่วมก่อเหตุหรือไม่นั้น พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ บอกว่า ขณะนี้ พยานหลักฐานที่ไปถึงจริงๆ มี 2 คน ส่วนคนที่ 3 จะมีหรือไม่ ขอรวบรวมหลักฐานก่อน เพราะคดีนี้มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ และในเบื้องต้นพยานหลักฐาน และแนวทางการสืบสวนก็ยังชี้ไปที่ผู้ต้องหา 2 คน คนที่ 3 ยังไม่ปรากฎ
 

“หากดูพฤติการณ์คดี ที่เกิดเหตุ วิธีการ สามารถก่อเหตุกันได้ 2 คน เพราะ พิสูจน์หลักฐาน ทำการตรวจที่เกิดเหตุโดยละเอียดหลายรอบมาอย่างต่อเนื่อง”

ส่วนสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุนั้น เป็นเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกันแน่นอน และเป็นประเด็นภายในครอบครัว ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูล แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้นั้น ถือว่า เป็นสาเหตุเพียงพอที่จะทำให้ลงมือก่อเหตุได้