ทำเนียบเครมลินของรัสเซีย แถลงในวันพฤหัสบดี (23 มกราคม) เกี่ยวกับคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันพุธที่ต้องการให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน โดยบอกว่า ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหม่ ทรัมป์ชอบใช้วิธีนี้ตอนที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก และเป็นผู้นำอเมริกาที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรมากกว่าคนไหน ๆ

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทรัมป์ โพสต์ในแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล ของตัวเองว่า “ตกลงเดี๋ยวนี้ และยุติสงครามที่น่าขันนี้ มันจะมีแต่เลวร้ายลงอีก หากเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลง และในไม่ช้าผมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขึ้นภาษี, ภาษีศุลกากร และเพิ่มคว่ำบาตรสำหรับสินค้าใด ๆ ที่รัสเซียขายให้สหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ”

เขาเรียกร้องให้ยุติสงครามในยูเครน ที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นหากเขาเป็นประธานาธิบดีในเวลานั้น และเตือนด้วยว่าสามารถยุติเรื่องนี้ได้ด้วยวิธีที่ง่ายและยาก ซึ่งวิธีที่ง่ายและดีกว่าเสมอ คือ ยอมบรรลุข้อตกลง

ขณะที่โฆษกทำเนียบเครมลิน บอกด้วยว่า รัสเซียจับตาถ้อยแถลงทั้งหมดของทรัมป์อย่างใกล้ชิด และบันทึกรายละเอียดที่แตกต่างกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ทั้งหมดด้วย และยืนยันว่า รัสเซียยังคงพร้อมสำหรับการเจรจา โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ย้ำเสมอว่า พร้อมเจรจาอย่างเท่าเทียมกัน และเคารพซึ่งกันและกัน

ก่อนหน้านี้ทรัมป์ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงหลายครั้งว่า เขาจะสามารถยุติสงครามที่ยืดเยื้อ 3 ปีได้ภายใน 24 ชม. ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่า เขาจะทำได้ และคีธ เคลล็อก อดีตนายพลเกษียณราชการ ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากทรัมป์ให้เป็นทูตพิเศษรับผิดชอบเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนภายใน 100 วัน

ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวต่อที่ประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอังคารว่า อาจต้องมีทหารรักษาสันติภาพอย่างน้อย 200,000 คน ในยูเครน หากมีการบรรลุข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติสงคราม และควรต้องมีทหารสหรัฐฯ รวมอยู่ด้วย เพื่อป้องปรามรัสเซียได้