KUBET – “รมว.นฤมล” ลงนาม MOU ป้องกันการทุจริตผ่านกิจการสหกรณ์ฉบับใหม่
“รมว.นฤมล” ลงนาม MOU ป้องกันการทุจริตผ่านกิจการสหกรณ์ฉบับใหม่
“รมว.นฤมล”นำ กตส.-กสส จับมือ ปปง.ลงนาม MOU ร่วมบูรณาการป้องกันการทุจริต ยกระดับความโปร่งใส ตรวจสอบได้ของระบบสหกรณ์ ย้ำไม่อยากให้เหมือนวัวหายล้อมคอก จึงต้องป้องกันไว้ล่วงหน้า
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินผ่านกิจการสหกรณ์ ระหว่าง นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับ นายสุเทพ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยมี พลตำรวจตรี สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า การลงนาม MOU ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อขานรับนโยบายรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมถึงสร้างความโปร่งใสในระบบสหกรณ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะในภาคการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เร่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้สหกรณ์ตกเป็นเครื่องมือของการกระทำผิดกฎหมาย
โดยให้มีการปรับปรุง MOU ฉบับเดิมที่ลงนามไว้เมื่อปี 2558 เพื่อยกระดับความร่วมมือ มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การสนับสนุนด้านทรัพยากรและการสร้างกลไกตรวจสอบที่เข้มแข็ง และมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็ง ทางการเงินการบัญชีภาคการเกษตร โดยการพัฒนาองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการทางการเงิน ให้แก่สหกรณ์และสมาชิก ให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมความเสี่ยงในทุกมิติภาคการเกษตร เพื่อยกระดับเกษตรกรไท ยให้มีความเข้มแข็งทางด้านการเงินการบัญชี ตลอดจนการลดความเสี่ยง เพิ่มความมั่นคงให้สมาชิกสหกรณ์
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า เมื่อปี 2558 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ร่วม ลงนามใน MOU ฉบับแรกเพื่อขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าวร่วมกัน และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในหลายด้าน แต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ความซับซ้อนของการกระทำผิด และมีการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ รวมทั้งมีรูปแบบการกระทำการทุจริตที่หลากหลาย จึงได้ประสานความร่วมมือเพื่อปรับปรุง MOU ฉบับใหม่ ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ความเสี่ยงในปัจจุบัน และยกระดับให้เป็นมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น
ซึ่ง MOU ฉบับนี้ จะเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินผ่านกิจการสหกรณ์ ต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ทั้งยังยกระดับการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบที่ทันสมัย เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ภาคประชาชนและสมาชิกสหกรณ์ ตลอดจนบุคลากรภาครัฐที่ทำหน้าที่กำกับดูแล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง และดำรงประโยชน์แก่สมาชิก
จึงหวังว่าการลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อพี่น้องสมาชิกสหกรณ์ไม่ต้องไปเสี่ยงกับความทุจริต การฟอกเงิน และธุรกรรมที่มีความผิดปกติ และที่สำคัญไม่อยากให้เป็นลักษณะวัวหายล้อมคอก จึงต้องดำเนินการแบบป้องกันล่วงหน้าไม่ให้เกิดเหตุ ถือเป็นเป้าหมายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ ในการดูแลพี่น้องสมาชิกสหกรณ์