KUBET – “พิชัย” ชี้พบพิรุธ “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” อาจเข้าข่ายนอมินี

“พิชัย” ชี้พบพิรุธ “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” อาจเข้าข่ายนอมินี

” พิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พาณิชย์” ชี้พบพิรุธ “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” อาจเข้าข่ายนอมินี เตรียมแถลง 4 เม.ย. พร้อมส่งดีเอสไอสอบเชิงลึก (มีคลิป)

1 เมษายน  2568  ที่กระทรวงพาณิชย์  นายพิชัย นริพทะพันธุ์   รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า จากการลงพื้นที่ของ ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบความผิดปกติหลายประการ เช่น เมื่อไปตรวจสอบสถานที่ตั้งของบริษัท ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดรับสายโทรศัพท์หรือกดกริ่งที่อาคาร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ

ทั้งนี้ คณะทำงานที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน จะประชุมในช่วงบ่ายวันที่ 1 เมษายน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด โดยพบว่ามีสิ่งผิดปกติค่อนข้างมาก และในวันที่ 4 เมษายน จะนำผลตรวจสอบเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งตนเป็นประธาน

“มีความผิดปกติค่อนข้างมาก และเครือข่ายของบริษัทนี้ค่อนข้างกว้าง เราจะต้องตรวจสอบให้รอบด้าน นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีการฮั้ว ไม่มีการปกปิด โปร่งใสชัดเจน และจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด โดยจะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่งขณะนี้ตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายนอมินีสูง หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ทั้งผู้ถือหุ้นคนไทยและต่างชาติ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท” นายพิชัยกล่าว


นายพิชัย นริพทะพันธุ์   รมว.พาณิชย์

นอกจากนี้ นายพิชัย ระบุว่า การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ถือหุ้น 10% ของบริษัท ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่กลับมีรถยนต์ใช้งาน ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจาก 10% ของทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท เท่ากับ 100 ล้านบาท ดังนั้น ผู้ที่ถือหุ้นระดับนี้ควรมีฐานะที่มั่นคง กระทรวงพาณิชย์จึงได้รวบรวมข้อมูลและส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบว่ามีการกระทำผิด จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา 

วันเดียวกัน นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้กำชับให้คณะทำงานตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 อย่างเข้มงวด โดยในช่วงบ่ายวันนี้ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และกรมสรรพากร โดยตั้งเป้าสรุปผลภายใน 7 วัน

เบื้องต้น พบว่ากรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นอีก 13 แห่ง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าบริษัทเหล่านี้รับงานจากที่ใดบ้าง และยังมีการดำเนินกิจการอยู่หรือไม่


นายพิชัย นริพทะพันธุ์   รมว.พาณิชย์

“แม้ว่าบริษัทนี้จะมีผู้ถือหุ้นชาวไทย แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเข้าข่ายนอมินีหรือไม่ จึงได้ประสานกับกรมที่ดินเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ตั้งบริษัท รวมถึงการเปลี่ยนแปลงชื่อกรรมสิทธิ์ที่ดิน” นายนภินทรกล่าว พร้อมย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าตรวจสอบบริษัทต่างชาติที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีเพิ่มเติม เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้นของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด พบว่ามีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นหลายแห่ง โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัทนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย และจากงบการเงินล่าสุดปี 2567 ระบุว่าประกอบกิจการด้านทรัพยากรมนุษย์และรับเหมาก่อสร้าง

ปัจจุบัน บริษัทมีกรรมการ 2 ราย ได้แก่ นายชวนหลิง จาง และนายโสภณ มีชัย โดยมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นแบ่งเป็น 49% จีน และ 51% ไทย อย่างไรก็ตาม พบว่ามีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นอีก 13 แห่ง ซึ่งอาจเข้าข่ายการฮั้วประมูลและกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยนอมินีและ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง

ที่ประชุมคณะทำงานจึงมีมติให้ตั้งคณะตรวจสอบย่อย 5 ชุด โดยแบ่งเป็น 3 ชุดแรก ตรวจสอบกรณีการเป็นนอมินีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงการใช้แรงงานผิดกฎหมาย และคุณภาพสินค้า อีก 2 ชุด ลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง และการถือครองที่ดินของบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ การตรวจสอบจะดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยมุ่งเน้นหาหลักฐานเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ชมคลิป >>> “พิชัย” ชี้พิรุธ บริษัทจีน อาจเข้าข่ายนอมินี

คลิป 2 >>> พบพิรุธ บริษัทจีนปมสร้างตึกสตง.

 


ภาพประกอบ  ประกาศรับเหมาก่อสร้างโครงการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่

วันเดียวกัน นายจิรายุ  ห่วงทรัพย์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงข้อสั่งการนายกฯ การตรวจสอบตึกสตง.ถล่ม   

โดยได้สั่งการ 1.ให้คณะกรรมการ สืบหาต้นเหตุตึกสตง.ถล่ม  ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย เป็นประธาน ติดตามตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน  หากพบความผิดต้องดำเนินการตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด

2. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง  รมว.ยุติธรรม รายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เตรียมรับ ผลการสอบสวนกรณีตึกสตง.ถล่ม  เป็นคดีพิเศษ เพื่อติดตามตรวจสอบการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่พบว่ามี “นอมินี มากถึง 17 บริษัท”
           
3. นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พาณิชย์  รายงานว่า  ได้มีการตรวจสอบ พบว่า บริษัทดังกล่าว รับงานส่วนราชการไปทั้งหมด 11 งาน  10  งานอยู่ระหว่างการก่อสร้าง  ส่วนงานที่แล้วเสร็จเป็นอาคารเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเข้าดำเนินการตรวจสอบต่อไป
          
4. นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม รายงานว่า ผลของการตรวจสอบเหล็กพบว่า ไม่เป็นไปตามมาตรฐานโดยจะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป


อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ระหว่างก่อสร้าง ถล่ม หลังได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมียนมา มาถึงประเทศไทย